ธรรมะปฏิสันถาร / พระราชวิจิตรปฏิภาณ - 20/4/2550
ธรรมะปฏิสันถาร / พระราชวิจิตรปฏิภาณ
++ ทำกันคนละทิศ คิดกันคนละทาง
เช้าวันที่ 17 เมษายน 2550 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับได้ลงภาพและข่าวว่า...พระสงฆ์ประท้วงเรียกร้องให้ตราไว้ในรัฐธรรมนูญว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย ...และในคืนวันที่ 16 เมษายน ศกเดียวกัน ภาพทางโทรทัศน์ก็แพร่ภาพให้เห็นการชุมนุมของภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ประชาชน แล้วก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันพอหอมปากหอมคอ เท่าที่สื่อโทรทัศน์จะกระทำได้ ส่วนสถานีวิทยุนั้นมีอิสระในการวิจารณ์มากกว่าโทรทัศน์ ยาวกว่าหนังสือพิมพ์ แต่ละรายการแสดงทรรศนะกันเต็มที่ ยิ่งเปิดให้ผู้ฟังโทรศัพท์ไปแสดงความคิดเห็นได้ ก็ยิ่งดุเด็ดเผ็ดร้อนตามแต่ผู้จัดจะอยู่ฝ่ายไหน คิดเห็นอย่างไร
สถานีวิทยุที่มีทั้งวิทยุของทหาร ภาครัฐ วิทยุชุมชน ที่พระท่านเช่าเวลาท่านก็แสดงความคิดเห็นแบบเรียบง่าย งดงาม มีเหตุผล ส่วนวิทยุที่ไม่ชอบรัฐบาลและ คมช.ก็ถือโอกาส อัดเละ ยิ่งอยู่ในบรรยากาศ อำนาจเก่าเขย่าเก้าอี้ (ไม่อยากให้ใช้คำว่า บัลลังก์ เพราะหมายถึงพระมหากษัตริย์ เป็นคำที่ไม่เหมาะสมกับสื่อมวลชนไทยอย่างยิ่ง) กับทั้งมีกลุ่ม เบญจพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ที่ฮึ่มฮั่มเตรียมขย้ำอยู่ด้วย ม็อบพีทีวีก็อีกกลุ่มหนึ่ง รัฐบาลและ คมช.ก็ดูจะยุ่งยาก ก็ขอให้ใช้เหตุผลในการชุมนุม
หันมาพูดเรื่องพระสงฆ์และพุทธที่ชุมนุม ที่ว่า พระประท้วงนั้น ขอทำความเข้าใจว่า...พระทั้งหลายและชาวพุทธนั้น ไม่มีนิสัย 3 ประการ คือ ประท้วง ปะทะ และประจบประแจง...แต่เป็นการชี้แจงผลดีที่จะบรรจุคำว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ วิธีการของท่านก็มีการอภิปราย โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิทั้งฝ่ายสงฆ์และฆราวาส แต่บรรดาผู้เกี่ยวข้องได้แก่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ คมช. และ รัฐบาล ส่งคนไปฟังหรือเปล่า ส่งคนไปอำนวยการให้ชาวพุทธบ้างหรือเปล่า ไหนๆ ท่านไปอยู่หน้ารัฐสภา ทำไมไม่นิมนต์ท่านเข้าไปในที่ประชุมสภา โดยมีผู้แทนของทุกภาคฝ่ายรับฟัง บันทึกหลักการและเหตุผล เหตุผลดีๆ ที่ผู้ทรงคุณวุฒิทางพระพุทธศาสนาชี้แจงหน้าสภานั้น เหมือนฝนตกโดยไม่มีใครขุดบ่อรองรับ แปลก...แปลกเป็นบ้าเลยที่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญนั่งในห้องแอร์ ปล่อยให้พระระดับชั้นผู้ใหญ่ตากแดดตากฝนอยู่ข้างนอก โดยไม่จัดให้ใครไปดูแลเรื่องที่นั่งที่จำวัดหรือจัดเสนาสนะให้ดูว่า พวกคุณก็เป็นชาวพุทธ นายกรัฐมนตรีก็เคยบวชพระมาก็น่าที่จะดูแลท่านบ้าง พวกที่อยู่ในสภา ซึ่งเป็นห้องแอร์ก็มีทะเบียนเป็นชาวพุทธ กลับเพิกเฉย หรือเดี๋ยวนี้เห็นพระเป็นศัตรูไปเสียแล้ว คนเราเวลาเสวยอำนาจก็ลืมพระศาสนา เวลาอยากได้ยศถาก็วิ่งเข้าหาพระ เวลาโศกเวลาทุกข์ก็วิ่งไปหาพระเพื่อทำบุญ เวลาดีก็ลืมบุญคุณของพระพุทธศาสนา เวลากระจอกก็วิ่งรอกไปที่มีวาสนาก็เพราะว่าพระให้พร คนบางคนทำไมจึงมีความจำในด้านดีที่สั้นนักหนอ
การที่พระและชาวพุทธได้มีการชุมนุมในครั้งนี้ หากแม้ว่านักปกครองและผู้นับถือศาสนาอื่นจะมองด้วย สัมมาทัศน์ จะเห็นว่าบ้านเมืองไทยนี้อยู่ได้อย่างมีความสุขเพราะพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ เพราะเหตุนี้ ศาสนาทุกศาสนาที่อยู่ในเมืองไทยจึงได้รับการอุปถัมภ์บำรุงจากสถาบันพระมหากษัตริย์ และหากจะพิจารณาให้ชัดเจนจะเห็นว่าทุกครั้งคราที่ชาวไทยผู้นับถือศาสนาอื่นได้ปฏิบัติกิจทางศาสนาและกิจกรรมใดๆ สถาบันพระมหากษัตริย์จะได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณทุกครั้งไปมิได้เว้น ทั้งนี้เป็นด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เกิดจากความเป็นพุทธศาสนิกชนอันมิได้เลือกว่าใครเป็นใคร ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยเสมอเหมือนกันทั้งสิ้นทั้งปวง ก็แล้วไยที่กรรมาธิการบางคน ศาสนิกชนต่างศาสนาหลายท่านจะตั้งข้อแม้ให้เป็นที่ยุ่งยาก ลองสมมุติง่ายๆ ว่าถ้าเมืองไทยมีศาสนาอื่นๆ มากกว่าชาวพุทธ สถานการณ์ในบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร
สถานการณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทุกคนจับตามองไปที่พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ว่าท่านเป็นผู้นำในการยกเลิกรัฐธรรมนูญ และในฐานะที่ท่านนับถือศาสนาอิสลาม ท่านเป็นเป้าใหญ่คือ...ถูกมองว่าท่านต้องขัดขวางพระพุทธศาสนา เอื้อประโยชน์นานาแก่ชาวมุสลิม...จริงเท็จท่านและพวกท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจดีทุกประการ การประชุมการวางแผนของใครๆ ที่กระทำต่อพระพุทธศาสนาวันนี้อาจจะไม่มีใครรู้ แต่วันหน้าเมื่อสิ้นยศหมดวาสนาเรื่องก็จะแดงขึ้นมา เข้าตำรา น้ำลงตอผุด ชั่วดีก็โผล่
สำหรับพระคุณเจ้าที่ชุมนุม ผมเองมิได้ไปร่วมด้วยก็จริง แต่ก็ช่วยอยู่อย่างเปิดเผย การใดๆ ที่จะเป็นการกล่าวร้าย การนั้นๆ พระพุทธเจ้ามิทรงสรรเสริญ ที่ใคร่ขอเรียนให้ระมัดระวังก็คือ การที่อาจจะมีบุคคลที่ดูเหมือนมีศรัทธา นำข้าวปลาภัตตาหาร หรือปัจจัยไปถวาย ขอความกรุณาใคร่ครวญการถวายความอุปถัมภ์ อย่าให้มีกลุ่มแอบแฝงที่จะทำลายล้าง คมช. และรัฐบาลเข้ามาเอื้ออำนวยความสะดวกและถวายการอุปถัมภ์ใดๆ ทั้งสิ้น ขอความกรุณากลุ่มอื่นๆ ที่มีเจตนาไม่ดี อย่าไปยุ่งกับการชุมนุมของชาวพุทธที่มีเจตนาบริสุทธิ์ ขอเจริญศรัทธามายังชาวพุทธที่ใจบุญบริสุทธิ์ บริจาคปัจจัยในการดำเนินการจะเป็นกุศลมหาศาลต่อประเทศชาติไทยของเรา
อ้อ...พระมหาเถระผู้ใหญ่ที่มีโยมศรัทธามากๆ อย่ามัวแต่ไปจุดเทียนปลุกเสกจตุคามรามเทพ ช่วยเหลืออะไรพระชั้นผู้น้อยบ้าง พระหนุ่ม เณรน้อย ที่มาจากต่างจังหวัด ท่านรอดูน้ำใจพระเถระที่อยู่เมืองกรุง ว่าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง อย่าให้เขาลือว่าพระผู้ใหญ่กินแรงเด็ก