พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ) |
อย่ารักพระพุทธศาสนา..ด้วยการสรรหาแต่ศัตรู
ภาพวาด ภิกษุสันดานกา กับ หมา-นุษย์ เป็นวิวาทะที่เกิดขึ้นระหว่าง ศิลปินแห่งชาติผู้วาด และพระสงฆ์ประชาชนผู้ใช้นามว่าองค์กรพุทธ ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่ารักพระพุทธศาสนาด้วยกันทั้งนั้น แต่รักกันคนละรูปแบบ การแสดงออกซึ่งความรักที่แตกต่างรูปแบบแต่ไม่เข้าใจกัน นำมาซึ่งวิวาทะในสื่อต่าง ๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ แล้วก็กลายเป็นประเด็นที่มีผู้แสดงทัศนะอันหลากหลาย ข้างใครก็ข้างมัน ความต่างมุมมองกับความรักในพระพุทธศาสนาครั้งนี้ จึงนำมาซึ่งความแตกแยกในพระสงฆ์ด้วยกัน หรือพระสงฆ์กับชาวพุทธ และแน่นอน...ย่อมเป็นเหยื่ออันโอชะของสื่อที่ชอบหยิบประเด็นความขัดแย้งมาขยาย มิใช่ขยายเพื่อยุติปัญหาแต่ขยายปัญหาให้กว้างไกลใหญ่โต แล้วก็ใหญ่โตขึ้นจริง ๆ คือ ความสามัคคีสลาย ขยายเป็นความขัดแย้ง
เห็นภาพนี้ตั้งแต่มีการตัดสินประกวดให้หน้าหนังสือพิมพ์แล้ว ถ้าภาพนี้ตั้งแสดงที่มหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม จะมีสักกี่ร้อยกี่พันคนที่เข้าไปดู ถึงแม้จะเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ ก็จะมีสักกี่หมื่นคนที่ได้เข้าไปดู แต่เมื่อพระสงฆ์และองค์กรพุทธได้ชูโปสเตอร์ที่มีชื่อว่าภิกษุสันดานกาขนาดใหญ่ปรากฏหราบนถนน สังคมจึงหันมาสนใจ ยิ่งมีการเผาชื่อศิลปินทั้งแห่งชาติและผู้เขียนสังคมก็ยิ่งหันมาดู สันดานองค์กรพุทธว่ามันอะไรกันนักหนาที่จะต้องเผาชื่อเผารูป ซึ่งคนเขาลือเหมือนกันว่ารูปกับชื่อนั้นถ้าเผาเพราะมันติดกับหนังสือพิมพ์หรือเอกสาร เขาไม่ถือกัน แต่ที่องค์กรพุทธเผาชื่อเขานั้นมันเป็นการสาปแช่งสาปส่ง ใจเขาแป้วเหมือนกัน ยิ่งมีพระเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ความรู้สึกศรัทธาในพระสงฆ์ก็จะเสื่อมน้อยถอยลงไป จนกลายเป็นศัตรูกับพระ
ภาพภิกษุสันดานกา กับ หมา-นุษย์ ที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมากนัก กลับถูกกระตุ้นให้คนอยากรู้อยากเห็น ต่อมาเมื่อนิมนต์พระและผู้เกี่ยวข้องไปออกสัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ภาพทั้ง ๒ นี้ ก็ถูกนำขึ้นจอโทรทัศน์แบบละเอียดหยิบ ขยายทั้งภาพและขยายทั้งความขัดแย้ง คนที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นกันทั่วประเทศทั่วโลก รวมทั้งในอินเตอร์เนต ถามว่า...ใครกันแน่เป็นผู้นำไปเผยแพร่โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และใครกันแน่ที่..เตะหมูเข้าปากหมา ...ศิลปินผู้วาดภาพก็เลยดังสนั่นแบบ อัจฉริยะข้ามคืน ค่าตัวของศิลปินผู้นี้ต่อไปมีค่าตัวไม่น้อยกว่า ถวัลย์ ดัชนี หรือ เฉลิมชัย (อลังการ อหังการ) โฆษิตพิพัฒน์ ภายใต้น้ำตาและความวิตกอกสั่นของศิลปินที่เป็นกรรมการและผู้วาดซึ่งมีมาแต่เดิม กลายเป็นคำขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่พระสงฆ์และองค์กรพุทธทำให้พวกเขาดังสนั่นลั่นโลก แล้วพระสงฆ์รวมทั้งคณะสงฆ์ได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันจากเรื่องนี้ นอกจากเพิ่มศัตรูและอยู่อย่างหวาดระแวง
การประท้วงหลายเรื่องที่เป็นการเปลืองสมองและเวลามีให้เห็นบ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยืนคำขาด ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไร เด็ดขาด ดูน่าจะเป็นเรื่องบีบคั้นศักยภาพขององค์กรเอง เช่น การนอนในโลงศพแบบขอตายถวายชีวิต แล้วก็ไม่สามารถนอนจมกองอุจจาระ ปัสสาวะ ได้ ต้องออกจากโลงศพ ก็เป็นเรื่องชวนขบขันของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ การปักหลักหน้ารัฐสภาโดยสมมุติว่าเป็นรัฐสภาวนาราม ก็เป็นเรื่องที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก นี่ถ้าไม่มีกระแสพระราชดำรัสอันเปี่ยมด้วยพระปัญญาธิคุณ ของ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๐ อันนำมาซึ่งการถอยอย่างมีลีลาและศักดิ์ศรีของทั้งสองฝ่าย อะไรจะเกิดขึ้นแก่คณะสงฆ์และความสามัคคีของบ้านเมือง ครั้งนี้ก็เช่นกัน การยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้จัดการให้เด็ดขาด มิเช่นจะ.......เป็นคำขาดที่ปราศจากพลัง สมมุติว่าเขาไม่ทำอย่างที่ขอและขู่ล่ะ องค์กรพุทธจะทำอะไรต่อไป เราเป็นพระไทยไม่ใช่พระพม่า เราเคยพูดว่าจะมีพระออกมาเป็นหมื่นเป็นแสน เอาเข้าจริงมันไม่ถึง ขอพูดตามตรงนะ หลวงพี่หลวงน้องอย่าเคืองกัน พระไทยน่ะใจไม่ถึงหรอก ถ้ารวมกันได้จริง ใจถึงจริง ๆ มันสำเร็จมาแล้วตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๐ แต่พอวันที่จะแสดงพลังเข้าจริงเหลือกี่ร้อยรูป เห็นแต่พระธรรมสุธี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เท่านั้นที่จริงใจถวายหัว
หันมาดูศิลปินผู้วาดภาพกันบ้าง การที่เขาวาดภาพเหล่านี้ออกมานั้นเขาเจตนาอะไรก็และในใจเขานั้นมีพระพุทธศาสนาอยู่บ้างหรือเปล่า ก็ต้องไปดูวิธีการอบรมสั่งสอนของมหาวิทยาลัยศิลปากรและครูอาจารย์ที่สอนเขา ลองสืบค้นภาพแต่เดิม ๆ ที่เขาวาดว่างานชิ้นเก่า ๆ นั้น เขาวาดพุทธศิลป์ได้งามขนาดไหน นั่นแสดงถึงศรัทธาตามบัตรประชาชนว่าเป็นชาวพุทธ แต่ถ้าเขาเอาแต่วาดแนวที่ได้รับรางวัลมาตลอดก็แสดงว่าเขามีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อองค์กรสงฆ์อย่างแน่นอน
บางทีนะ เรามัวแต่ดูกันในมุมหวาดกลัวหวาดระแวง ลองดูภาพการ์ตูนเล่าเรื่องพุทธประวัติที่พิมพ์เผยแพร่ที่พูดกันว่า การ์ตูนเพื่อเยาวชน ซึ่งวาดโดยนักวาดภาพที่เป็นผู้ใหญ่ แล้ววาดพระพุทธเจ้าให้เศียรโต พระพักตร์ตลก หูไม่เท่ากัน มือเท้า จีวร มิได้สื่อความหมายอันงดงามของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย น่าจะวิเคราะห์ว่าการ์ตูนเหล่านี้น่าจะเป็นการทำลายภาพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากกว่าภาพภิกษุสันดานกาเสียอีก เพราะเป็นการปลูกฝังที่ไม่มีความงามอยู่เลย ทั้ง ๆ จิตรกรรมฝาผนังนั้นงดงามอย่างยิ่ง ถ้าเด็กเขียนไม่ว่ากัน แต่นี่จิตรกรรมเขียนให้เด็กดู เด็กก็จะจำภาพเหล่านั้นไว้ ความไม่งามก็จะถูกฝังลงใจจิต เด็กก็จะไม่รักศรัทธาพระพุทธเจ้า
สิ่งที่จะพึงระวังต่อไปที่ใคร่ขอเตือนก็คือ ตอนนี้เขากำลังจับตาดู ภาพยนตร์พระไตรปิฎก เชื่อผมเถอะ สร้างออกมาเมื่อไหร่โดนยำเละ เล่นงานศิลปินแห่งชาติแบบยกยวงอย่างนี้ มีหรือจะรอดจากการถูกวิจารณ์กลับอย่างรุนแรง ถ้ารักพระศาสนาแบบขยันหาศัตรูนะ อยู่เฉย ๆ ดีกว่า หรือ ไปสาธยายพระไตรปิฎกที่สนามหลวง ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ กันเถอะ