มีคนถามกันมากว่าในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจะดำรงชีวิตอย่างไร ? ก็ขอตอบว่า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นี้ จะต้อง...เรียนรู้ รับรู้ ยิ้มสู้ อยู่อย่างมีความหวัง...
⇒ เรียนรู้... คือ ต้องเรียนรู้สภาวการณ์ สถานการณ์ของบ้านเมืองให้รู้อย่างถ่องแท้ว่า อะไรเป็นอะไรเสียก่อน คือ...
♦ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่คาดฝัน
♦เกิดปัญหาต่อสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์
♦บ้านจัดสรรขายไม่ออก
♦ดอกเบี้ยไม่บาน
♦โรงงานปิด
♦ชาวบ้านไม่ได้ราคาสินค้าผลผลิต
♦พระไม่มีกิจนิมนต์
♦คนจบการศึกษาใหม่ไม่มีงาน
♦รัฐบาลไม่มีภาษีพัฒนาประเทชาติ |
ทั้ง 9 ข้อนี้ ตกอยู่ในสถานการณ์ "ก้าวหลัง" ไม่ใช่ "ก้าวหน้า" ซึ่งทุกคนควรใคร่ควรพิจารณาในแต่ละประเด็นก็จะเห็นชัดเจน เรียกว่า "เดือดร้อนกันทั่วหน้า" จากการเดือดร้อนทั่วหน้า ก็เข้าสู่ "เดือดร้อนกันทั่หล้า" นี่คือ... ความจริงวันนี้ !
⇒ รับรู้... คือ ต้องรับรู้วิธีการดำรงชีวิต "ให้ได้" ไม่ใช่ "ต้องได้" คิดเสียว่า... พอเป็นพอไป แล้วร่วมกันรับรู้ว่า รับทำ คือ...
♦ยอมรับความเป็นจริง
♦ทิ้งความเคยชิน
♦อยู่กินอย่างประหยัด
♦หักเลี้ยง หัดปลูก
♦ทำความเข้าใจกับลูกหลาน
♦อย่าเกี่ยงงาน
♦บริหารทรัพย์สินด้วยบัญชีครัวเรือน |
เรื่อง "ยอมรับความจริง" นั้น ทุกคนต้องยอมรับ วิธีการยอมรับความจริงก็ขึ้นอยู่กับคาถาที่จะพึงท่องบ่นภาวนา ดังนี้ คือ...
+มันไม่มีใครดีไปกว่าใคร
+มันก็พอ ๆ กันนั่นแหละ
+อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด
+เป็นอะไร ก้เป็นกันว่ะ และ
+เรื่องเท่านี้ สีทนได้ |
⇒ ยิ้มสู้... ยามนี้ต้อง... ลบรอยย่นระหว่างคิ้ว ด้วยการ สร้างรอยพริ้วขึ้นเหนือริมฝีปาก คือต้องยิ้มเพื่อลบรอยย่น "รอยทุกข์กระจุกอยู่ที่หัวคิ้ว รอยสุขพริ้วที่ริมฝีผาก" ลองยิ้มดูสัก 5 วินาที ก็จะพบว่าสุขเกิดขึ้นทันที ทุกอย่างมันอยู่ที่ว่าจะ "ยิ้มสู้" หรือไม่เท่านั้น
เรื่องยิ้มสู้นี้ ไม่ใช่ใครสอนเราหรอก แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สอนเราให้ยิ้มสู้ ซึ่งก็ควรไปซื้อเพลงพระราชนิพนธ์ชุดที่มีสุเทพ เกิดกำแหง, ธานินท์ อินทรเทพ ฯลฯ มาฟัง แล้วก็ขอให้ฟังเพลงยิ้มสู้หลาย ๆ เที่ยว จะได้สัมผัสปรัชญาขององค์ราชันว่ายิ้มสู้น้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เป็นปรัชญาธรรมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้พสกนิกรไทย อย่าคิดว่าเป็นเพลงอย่างเดียว แต่จงคิดว่าเป็นว่าเป็น... อภิปรัชญา ครั้นเมื่อฟังจบแล้วจงหัดยิ้ม คือ...
♦ยิ้มให้โลก (คือขอบคุณโลกที่ให้เราอาศัย)
♦ยิ้มให้ลูก
♦ยิ้มให้ตัว (ขอบคุณพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูและชีวิตสัตว์)
♦ยิ้มให้เมีย (สามียิ้มให้ภรรยาคือเมียเรา อย่ามัวแต่ยิ้มให้เมียชาวบ้าน แล้วทำหน้ามันใส่เมียตัว
จะกลายเป็นผัวเฮงซวย)
♦ยิ้มให้ผัว (เมียก็จงยิ้มให้กำลังใจสามีของตน อย่าไปยิ้มให้สามีคนอื่น ขอให้รู้ว่าผัวตัวเองเรา
ต้องทำหน้าชื่นบาน ส่วนผัวชาวบ้านชั่งหัวมัน)
|
ถ้าทุกท่าน ยิ้มให้โลก ยิ้มให้ลูก ยิ้มให้ตัว ยิ้มให้เมีย ยิ้มให้ผัว ยิ้มแล้วจะชื่นหัวใจ ต่อจากนั้นก็ต้องยิ้ม ๆ ๆ ให้เป็นอุปนิสัย คือ...
►ยิ้มแย้มแจ่มใส
►ยิ้มให้เพื่อนร่วมงาน
►ยิ้มต้อนรับผู้ใช้บริการ
►ยิ้มแย้มให้ใคนในบ้าน
►ยิ้มหวาน ๆ ให้คนในเมืองไทย
►ยิ้มให้กำลังใจแก่คนทั้งโลก |
⇒ อยู่อย่างมีความหวัง... นี่ก็จากปรัชญาธรรมในเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เพลงชะตาชีวิต เพลงนี้ถ้าผู้ใดได้ฟังแล้วจะรู้ว่าการ ไม่ท้อต่อชีวิต ไม่คิดฆ่าตัวตาย ไม่หงอยเหงา ไม่เศร้าสร้อย ไม่คอยโชคชะตา ไมรอเทวดามาช่วย แล้วพึ่งพาตน ถึงขาดบิดา ขาดญาติทางบิดา แต่ก็มีมารดาเป็นแสงจันทร์ คำพูดที่สำคัญก็คือ...
อยากจะขอร้องมายังท่านทั้งหลายว่า...
อย่า..จิตใจฝ่อ
อย่า...ท้อต่อชีวิต
อย่า...คิดฆ่าตัวตาย
อย่า...ขายยาเสพติด
อย่า...แก้เศรษฐกิจด้วยการพนัน
อย่า...เย้ยหยันคนอื่น |
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ)
20 มค.52