ธรรมะปฏิสันฐาน/พระราชวิจิตรปฏิภาณ - 16/2/2550
ธรรมะปฏิสันฐาน/พระราชวิจิตรปฏิภาณ
++ ข้อหา “ลูกอกตัญญู”
เมื่อคืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2550 โทรทัศน์ช่องหนึ่งได้ออกข่าวว่าชายชราผู้หนึ่งซึ่งเป็นอัมพาต ได้ถูกลูกชายนำไปทิ้งไว้ที่ศาลาท่าน้ำวัดแห่งหนึ่งแถวๆ ปทุมธานี ในเนื้อข่าวว่าชายผู้นี้มอบมรดกที่ดินให้ลูกชายคนหนึ่งแล้ว ลูกก็ไม่เลี้ยงซ้ำยังนำไปปล่อยวัด จากภาพที่เห็นคือภาพที่ชายผู้นี้มีทุกข์ยาก ร้องไห้ สังคมไทยทราบทันทีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เพราะ....ลูกอกตัญญู
ใครจะคิดอย่างไร ลงโทษลูกอย่างไร อาตมายังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะดูจากบุคลิกแล้วเห็นคร่าวๆ ว่า...เขาไม่น่าจะเป็นพ่อที่ดีนัก...แล้วเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2550 ก็มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ทั้งลูกชายและคุณตาซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูลูกชายของชายผู้นี้ เรื่องจึงปรากฏอีกมุมหนึ่งว่าความจริงเรื่องที่ดินที่ถูกอ้างกล่าวว่ามอบให้ลูกชายก็เป็นเรื่องไม่จริง เพราะเป็นที่ดินของคุณตาซึ่งเลี้ยงดูบุตรของชายผู้นี้ คุณตาผู้มีสถานภาพเดิมเป็นครูใหญ่ คำถามก็คือ...จากวันที่ข่าวออกไปแล้วว่าลูกชายเป็นคนอกตัญญู สังคมบางส่วนก็เชื่ออย่างนั้น ได้ออกชื่อเสียงเรียงนามของลูกชายด้วย เส้นบรรจบของความเป็นพ่อ-ลูกในการพบกัน เลี้ยงดูกัน จะเกิดขึ้นได้อย่างไร นอกจากไม่มีเส้นบรรจบแล้ว ข่าวลักษณะอย่างนี้จะเป็นเส้นขนานของชีวิตพ่อ-ลูก ไปตราบเท่าตายจากกันด้วยความทุกข์ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะสังคมไทยให้คะแนนว่า “พ่อเป็นฝ่ายถูก ลูกเป็นฝ่ายผิด” การแสวงหาเหตุที่มาของเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อสังคมส่วนใหญ่ไม่สืบ “ต้นสาย” เอาแต่ดู “ปลายเหตุ” ภาระในการเลี้ยงดูจะตกอยู่ที่ใคร เรื่องนี้ควรวิเคราะห์ปัญหาทางสังคมให้ชัดเจน เพื่อประโยชน์ในทางความคิดและผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติ
เรามาเริ่มต้นกันที่ผู้ชายจะเป็นพ่อก่อนดีกว่าว่า “ผู้ชายคนนั้นเขาพร้อมจะเป็นพ่อคน” หรือเปล่า ในบางคนนั้นเขาพร้อมเป็นแค่ “ผัวคน” เมื่อจิตใจกับความพร้อมในปัจจุบันอุดหนุนในความเป็นพ่อคนไม่ได้ถูกจัดเตรียมไว้ ครั้นเมื่อภรรยาตั้งท้อง แทนที่ผู้ชายคนนั้นจะดีใจเหมือนคนที่อยากเป็น “พ่อคน” แต่กลับกลายเป็น “ความกังวล” ในจิตใจ จุดเริ่มจุดแรกบกพร่องเสียแล้ว การได้ลูกมาแต่ละคนจึงไม่ใช่ผลผลิตแห่งความรัก แต่เป็นผลมักได้จากกามารมณ์ ความทุ่มเทเอาใจใส่จึงไม่เกิดขึ้น
ผู้ชายทั้งหลายจะเข้าใจอย่างถ่องแท้หรือไม่ว่า ในลูกหนึ่งคนนั้นมีสองหุ้น คือ...พ่อเป็นเจ้าของชีวิต แม่เป็นเจ้าของจิตวิญญาณ...ถ้าเข้าใจว่าชีวิตลูกเป็นของตนเอง พ่อจะต้องรักและรับผิดชอบมากกว่าคนที่เป็นแม่ เมื่อความรักและความรู้มีอยู่อย่างบริบูรณ์การทุ่มเทของพ่อในการให้ลูกจะเกิดขึ้น คือ...ให้ความรัก ให้ความรู้ ให้การชูชุบอุปถัมภ์ ให้ความสงสาร ให้การสงเคราะห์ ให้ลูกได้หัวเราะเริงร่า พาลูกทำความดี ทำตนเองให้มีศีลธรรม....พอจะยากดีมีจนอย่างไรก็ตามถ้ามีสำนึกของความเป็นพ่อ แล้วยิ่งต้องทุ่มเท ยิ่งถ้าครอบครัวยากจนแต่คนที่เป็นพ่อทุ่มเท ลูกจะประทับใจไม่รู้ลืม เมื่อความประทับใจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกก็จะรัก เกรงใจ ให้ความเคารพ เรียนและทำงานให้ประสบความสำเร็จ เพื่อตอบแทนเหมือนกับที่พ่อทำให้แก่ลูก เข้าหลักว่า...บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น...ถ้าคนที่เป็นพ่อทำได้เช่นกล่าวมานี้แล้ว ลูกไม่เลี้ยงดู ควรประณามว่า...ลูกอกตัญญู...แต่ถ้าพ่อบางคนไม่ทำดังกล่าวมานี้ สังคมจะประณามและเรียกพ่อแบบนี้ว่าอย่างไร
สำหรับลูกทั้งหลาย ถ้าพ่อเป็นผู้ทุ่มเทให้ด้วยความรัก แต่ลูกกลับปฏิบัติต่อพ่อในด้านไม่ดี คือ...ไม่กราบ ไม่กอด ไม่เกรง ไม่กลัว บ้านช่องไม่กลับ...ลูกเช่นนี้จะ “ตกอับตลอดชีวิต” เป็นผลจากความอกตัญญู
สำหรับคนที่เป็นพ่อคนนั้น เมื่อแก่แล้วประสงค์จะให้ลูกหลานทั้งรักและเลี้ยง ต้องเป็นคนแก่ที่น่ารักน่าเลี้ยง ด้วยการทำตนดังนี้ คือ...มีอาชีพที่สอง มีเงินทองสำรองชีวิต เมื่อตนเองผิดต้องรู้จักขอโทษและลูกหลานผิดต้องให้อภัย ได้รับของสิ่งใดต้องแสดงความดีใจและให้พร ไม่ทำตนเป็นคนเจ้าแง่แสนงอน ก่อนนอนและตื่นนอนสวดมนต์ไหว้พระ บำเพ็ญสมถะวิปัสสนากัมมัฏฐาน อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลาน เตรียมมรณกาลให้สงบสุข...ถ้าคุณพ่อปฏิบัติได้ดังกล่าวมาแล้วนี้ ลูกๆ จะกตัญญูกตเวทีไม่เสื่อมคลาย